หะดิษ

หะดิษ
หะดิษต่างๆ

วันอังคารที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2555


หะดิษมุสลิม ว่าด้วยผู้ที่สวมเสื้อผ้าลากพื้น ผู้ทวงบุญคุณและผู้จำหน่ายสิ้นค้าโดยสาบานเท็จ



عَنْ أَبِي ذَرٍّ، عَنِ النَّبِيِّ صلى الله عليه وسلم قَالَ ‏"‏ ثَلاَثَةٌ لاَ يُكَلِّمُهُمُ اللَّهُ يَوْمَ الْقِيَامَةِ وَلاَ يَنْظُرُ إِلَيْهِمْ وَلاَ يُزَكِّيهِمْ وَلَهُمْ عَذَابٌ أَلِيمٌ ‏"‏ قَالَ فَقَرَأَهَا رَسُولُ اللَّهِ صلى الله عليه وسلم ثَلاَثَ مِرَارٍ ‏.‏ قَالَ أَبُو ذَرٍّ خَابُوا وَخَسِرُوا مَنْ هُمْ يَا رَسُولَ اللَّهِ قَالَ ‏"‏ الْمُسْبِلُ وَالْمَنَّانُ وَالْمُنَفِّقُ سِلْعَتَهُ بِالْحَلِفِ الْكَاذِبِ ‏"‏ ‏.‏


                 รายงานจาก อบีซัรริน ว่า ท่านนบี ศ็อลล็อลลอฮุอลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า “มีคนสามจำพวกที่พระองค์อัลลอฮ์จะไม่สนทนากับพวกเขาในวันกิยามะห์ พระองค์จะไม่มองพวกเขาและจะยังไม่ชำระพวกเขาให้พิสุทธิ์ และสำหับพวกเขานั้นจะได้รับการการลงโทษแสนสาหัส” เขากล่าวว่า ท่านรอซูลุ้ลลอฮ์ ศ็อลล็อลลอฮุอลัยฮิวะซัลลัม ได้กล่าวย้ำเช่นนั้นสามครั้ง อบูซัรรินจึงถามว่า พวกที่พินาศและล้มเหลวเหล่านั้นคือใครหรือ โอ้ท่านศาสนทูตของอัลลอฮ์ ท่านตอบว่า “ผู้ที่สวมเสื้อผ้าลากพื้นด้วยความเย่อหยิ่ง, ผู้ที่ทวงบุญคุณ (หรือคนที่กีดกันผู้อื่นไม่ให้ได้รับปัจจัยในการดำรงชีพ ดูฮะดีษเลขที่ 0193) และผู้จำหน่ายสินค้าโดยคำสาบานเท็จ”

มุสลิม/หมวดที่1/บทที่48/ฮะดีษเลขที่ 0192

วันจันทร์ที่ 16 เมษายน พ.ศ. 2555

หะดิษเศาะเฮียะฮ์มุสลิม ว่าด้วยการประกาศเชิญชวนให้มาละหมาด




حَدَّثَنَا إِسْحَاقُ بْنُ إِبْرَاهِيمَ الْحَنْظَلِيُّ، حَدَّثَنَا مُحَمَّدُ بْنُ بَكْرٍ، ح وَحَدَّثَنَا مُحَمَّدُ بْنُ رَافِعٍ، حَدَّثَنَا عَبْدُ الرَّزَّاقِ، قَالاَ أَخْبَرَنَا ابْنُ جُرَيْجٍ، ح وَحَدَّثَنِي هَارُونُ بْنُ عَبْدِ اللَّهِ، - وَاللَّفْظُ لَهُ - قَالَ حَدَّثَنَا حَجَّاجُ بْنُ مُحَمَّدٍ، قَالَ قَالَ ابْنُ جُرَيْجٍ أَخْبَرَنِي نَافِعٌ، مَوْلَى ابْنِ عُمَرَ عَنْ عَبْدِ اللَّهِ بْنِ عُمَرَ، أَنَّهُ قَالَ كَانَ الْمُسْلِمُونَ حِينَ قَدِمُوا الْمَدِينَةَ يَجْتَمِعُونَ فَيَتَحَيَّنُونَ الصَّلَوَاتِ وَلَيْسَ يُنَادِي بِهَا أَحَدٌ فَتَكَلَّمُوا يَوْمًا فِي ذَلِكَ فَقَالَ بَعْضُهُمُ اتَّخِذُوا نَاقُوسًا مِثْلَ نَاقُوسِ النَّصَارَى وَقَالَ بَعْضُهُمْ قَرْنًا مِثْلَ قَرْنِ الْيَهُودِ فَقَالَ عُمَرُ أَوَلاَ تَبْعَثُونَ رَجُلاً يُنَادِي بِالصَّلاَةِ قَالَ رَسُولُ اللَّهِ صلى الله عليه وسلم ‏"‏ يَا بِلاَلُ قُمْ فَنَادِ بِالصَّلاَةِ ‏"



              ท่านอับดุลลอฮ์ อิบนิอุมัร รายงานว่า เมื่อบรรดามุสลิมเดินทางมาถึงนครมะดีนะห์ในช่วงแรกๆ พวกเขาได้รวมตัวกันและร่วมกันกะเกณฑ์เวลาละหมาด ซึ่งขณะนั้นยังไม่มีผู้ใดทำหน้าประกาศเชิญชวน และพวกเขาได้ร่วมกันปรึกษาเกี่ยวกับเรื่องนี้ในวันหนึ่ง บางคนในหมู่พวกเขาได้เสนอให้ใช้ระฆัง เหมือนดั่งที่ชาวคริสต์ใช้กันอยู่ และบางคนก็เสนอว่าให้ใช้เขาสัตว์ที่เป่าแล้วมีเสียงดั่งพวกชาวยิว
                ท่านอุมัรเสนอว่า ทำไมจึงไม่แต่งตั้งใครสักคนให้ทำหน้าที่เรียกผู้คนให้มาละหมาด ท่านรอซูลุ้ลลอฮ์ ศ็อล็อลลอฮุอลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า โอ้บิล้าลเอ๋ย ลุกขึ้นเถิด และจงประกาศเชิญชวนผู้คนสู่การละหมาด

มุสลิม/หมวดที่4/บทที่1/ฮะดีษเลขที่ 0735

หะดิษบุคอรีย์ ว่าด้วยโองการ(อายะฮ์)สุดท้ายที่ประทานลงมาแก่ท่านนบี



عَنْ عُمَرَ بْنِ الْخَطَّابِ، أَنَّ رَجُلاً، مِنَ الْيَهُودِ قَالَ لَهُ يَا أَمِيرَ الْمُؤْمِنِينَ، آيَةٌ فِي كِتَابِكُمْ تَقْرَءُونَهَا لَوْ عَلَيْنَا مَعْشَرَ الْيَهُودِ نَزَلَتْ لاَتَّخَذْنَا ذَلِكَ الْيَوْمَ عِيدًا‏.‏ قَالَ أَىُّ آيَةٍ قَالَ ‏{‏الْيَوْمَ أَكْمَلْتُ لَكُمْ دِينَكُمْ وَأَتْمَمْتُ عَلَيْكُمْ نِعْمَتِي وَرَضِيتُ لَكُمُ الإِسْلاَمَ دِينًا‏}‏‏.‏ قَالَ عُمَرُ قَدْ عَرَفْنَا ذَلِكَ الْيَوْمَ وَالْمَكَانَ الَّذِي نَزَلَتْ فِيهِ عَلَى النَّبِيِّ صلى الله عليه وسلم وَهُوَ قَائِمٌ بِعَرَفَةَ يَوْمَ جُمُعَةٍ‏.‏


             อุมัร อิบนุ้ลค๊อตต๊อบ รายงานว่า มีชาวยิวคนหนึ่งได้กล่าวกับท่านอุมัรว่า โอ้นายแห่งบรรดาผู้ศรัทธา โองการในคัมภีร์ของพวกท่านที่พวกท่านอ่านมันนั้น หากถูกประทานให้แก่ชาวยิวละก็ พวกเราจะถือเอาวันที่ประทานเป็นวันเฉลิมฉลอง ท่านกล่าวว่า โองการไหนหรือ เขาตอบว่าโองการนี้ “วันนี้ข้าได้ให้ศาสนาของพวกเจ้าสมบูณ์แล้ว และความเมตตาของข้าที่มีต่อพวกเจ้าเปี่ยมล้น และข้าพอใจที่ให้อิสลามเป็นศาสนาแก่พวกเจ้า” อุมัร กล่าวว่า พวกเรารู้ดีถึงวันและสถานที่,ที่ประทานอายะห์ให้แก่ท่านนบี ศ็อลล็อลลอฮุอลัยฮิวะซัลลัม นั่นคือขณะที่ท่านนบีอยู่ที่ทุ่งอะรอฟะห์ และเป็นวันศุกร์

บุคคอรี/หมวดที่2/บทที่33/ฮะดีษเลขที่ 45

    อ้างอิงเพิ่มเติม  ฮะดีษเลขที่ 4407, 4606,7268

วันอังคารที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2555

หะดิษเศาะเฮียะฮืมุสลิม ว่าด้วยกรณีผู้ปกครองละเลยหน้าที่



عَنْ أَبِي الْمَلِيحِ، أَنَّ عُبَيْدَ اللَّهِ بْنَ زِيَادٍ، عَادَ مَعْقِلَ بْنَ يَسَارٍ فِي مَرَضِهِ فَقَالَ لَهُ مَعْقِلٌ إِنِّي مُحَدِّثُكَ بِحَدِيثٍ لَوْلاَ أَنِّي فِي الْمَوْتِ لَمْ أُحَدِّثْكَ بِهِ سَمِعْتُ رَسُولَ اللَّهِ صلى الله عليه وسلم يَقُولُ ‏"‏ مَا مِنْ أَمِيرٍ يَلِي أَمْرَ الْمُسْلِمِينَ ثُمَّ لاَ يَجْهَدُ لَهُمْ وَيَنْصَحُ إِلاَّ لَمْ يَدْخُلْ مَعَهُمُ الْجَنَّةَ ‏"‏


           อบีมะลีฮ์ รายงานว่า อุบัยดุลลอฮ์ อิบนิซิยาด (ผู้ปกครองเมืองบัศเราะห์ในขณะนั้น) ได้ไปเยี่ยม มะอ์ก็อล บินยะซาร ตอนที่เขาป่วย ซึ่งมะอ์ก็อล ได้กล่าวกับเขาว่า ฉันจะเล่าฮะดีษบทหนึ่งให้ท่านฟัง ซึ่งถ้าฉันยังไม่ใกล้ตายละก็ ฉันคงจะไม่เล่าให้ฮะดีษบททนี้ให้ท่านฟังแน่ๆ
                ฉันเคยได้ยินท่านรอซูลุ้ลลอฮ์ ศ็อลล็อลลอฮุอลัยฮิวะซัลลัม กล่าว่ว่า “ไม่มีผู้ปกครองคนใดที่ดูแลกิจการของบรรดามุสลิม แต่เขาละเลยหน้าที่และไม่อบรมตักเตือนผู้ใต้การปกครอง นอกจากเขาจะไม่ได้เขาสวรรค์พร้อมกับพวกเขาเหล่านั้นด้วย”

มุสลิม/หมวดที่1/บทที่65/ฮะดีษเลขที่ 0264